ทริปนี้สืบเนื่องมาจากตั๋วเครื่องบิน สายการบินแอร์เอเชีย เปิดเส้นทางใหม่ ไปยังหนานชาง ประเทศจีน ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย และได้ตั๋วราคาถูกมากมา 6 ใบรอไรคะ พากันแพคกระเป๋า เรียกเพื่อนที่พร้อมเดินทางไปในทันที่
แต่ก็รู้ๆ กันนะตั๋วโปร กว่าจะได้บินก็ข้ามปี มีเวลาเตรียมตัว ก็ไม่ได้คิดไรมาก มีตั๋วอยู่ในมือแล้ว พอใกล้วันเดินทาง เราลองมาหาข้อมูลในเว็ปไซด์ คือไม่มีข้อมูลเลย เอาไงดีละทีนี้ภาษาจีน ก็นับได้แค่ 1 ถึง 10 ไม่เป็นไร ลูกเรียนภาษาจีนระดับ อนุบาล คงพอช่วยได้ช่วงที่เราไปเป็นเดือนพฤษภาคม ซึ่งไม่รู้ว่าคือหน้าฝน โอ๊ย ไหวไหมเธอ 5555 แต่ทุกคนมั่นใจในตัวเรา กดดันกันไปอีก ทุกคนไม่หาข้อมูลเลย
พอถึงวันเดินทางซึ่งเราเดินทาง วันที่ 7 พฤษภาคม 2559 ก็ขับรถไปจอดลานจอดระสนามบินอู่ตะเภา ค่าเสียหายในตอนนั้น วันละ 70 บาท ถูกมากจ้า จอดรถเรียบร้อยก็เดินไปยัง counter check-in สายการบินแอร์เอเชียทันที รีบจัดการให้เสร็จดีกว่า เพราะมีเด็กไปด้วย เราเลือกนั่ง Hot Seat แถวหน้าสุด เพราะใช้บัตรเครดิตแอร์เอเชีย ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ ได้สิทธิพิเศษมากมาย ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชม ถ้าจำไม่ผิด
พอเครื่อง Landing ถึงสนามบินหนานชาง ก็รู้สึกตื่นเต้นนะ และก็ไม่ได้กลัวอะไรกันเลย ก็พากันเดินไปหยิบกระเป๋ากันอย่างสนุกสนาน และแล้วความกลัวที่ 1 ก็เริ่มขึ้นพอเดินผ่าน ตม. เจ้าหน้าที่ชาย เดินตรงเข้ามาจะไม่ให้ไป แถมล้อมเราไว้อีก เอาแล้วทุกคนมองหน้ากันทำไมเค้าถึงมาล้อมพวกเราแบบนี้ เราก็ไม่เข้าใจเค้า เค้าก็ไม่เข้าใจเราทำไงดี ด้วยความใจดีสู้เสือ และ Thailand is the land of smile ยิ้มสิคะ รออะไร แล้วก็ชี้หน้าวีซ่าให้เค้าดู ว่าเรามาท่องเที่ยวนะ ไม่ได้มาทำไร เค้าคุยอะไรกันไม่รู้ แล้วก็หันมายิ้มให้กลุ่มพวกเรา และก็ปล่อยเราผ่านไป ยังไม่จบพอหลุดจากประตูสนามบิน โอ้แม่เจ้าชั้นอยู่ไหน ทำไมไม่มีอะไรเลย
รถแท็กซี่อยู่ไหน บริษัทท่องเที่ยวอยู่ไหน ชั้นต้องการแท็กซี่ ชั้นอยากไปโรงแรมแล้ว เดินงงกันพักใหญ่ ก็เจอผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามจะไปไหน เราก็บอกไปโรงแรมนี้ เอา voucher โรงแรมให้ดู เค้าคิดราคามา 200 หยวน ในใจก็คิดว่ามิจฉาชีพ รึเปล่า เพราะไม่มีป้ายแทกซี่ อีกใจก็คิดว่าอาจเหมือนป้ายดำบ้านเราก็ได้ด้วยความที่เหนื่อยก็เลยมากะเค้า (ใจง่ายไปอีก 5555) 4 ผู้ใหญ่ 2 เด็ก เค้ายอมให้นั่งไปด้วยกัน พวกเราเลยตกลง แต่จริงๆแล้ว แทกซี่ที่นั่งเค้าบอกนั่งได้ แค่ 4 คนเท่านั้น ระหว่างทางฝนก็ปรอยๆ พอมาถึงโรงแรมก็ทำการ check-in เข้าห้องพักในทันที เราจอง โรงแรม Holiday Inn Nanchang Riverside ราคาคืนละ พันกว่าบาท ถือว่าดีเลยทีเดียว พอได้ห้องพัก เห็นวิวแม่น้ำ ก็หายเหนื่อย อาหารเย็น เราไม่ได้ลงไปหาที่กิน เปิดกระเป๋ากินมาม่ากันก่อน เพลียจัด
เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ก็พากันไปกินอาหารเช้าที่โรงแรม
ไลน์อาหารเช้าเค้าดีมากเลย เยอะมาก กินได้ไม่ครบแน่นอน ระหว่างที่กินข้าวไปฟ้าฝนก็เป็นใจ ตกลงมาซะออกไปไหนไม่ได้เลย พอฝนหยุดตก
เรียกแท็กซี่จากโรงแรม ไปยัง Pavillion of Prince Teng พอถึงพระราชวัง
ฝนก็ตกลงมาเลยได้อยู่ที่นี่ทั้งวัน อีกอย่าง กว่าจะถ่ายรูปครบทุกจุด ก็หมดวันแล้ว (แบบนี้ที่เค้าเรียกทริปจบ ภาพไม่จบ) หอเถิงหวางเก๋อ แห่งนี้สร้างในสมัยราชวงศ์ถัง โดย ลี หยวนยิง น้องชายของจักรพรรดิ์ ไท้ซ้ง แห่งราชวงศ์ถัง ซึ่ง ลี หยวนยิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าชายเถิงและเป็นผู้ว่าราชการเมืองหนานชางและที่นี่ก็เป็นที่พักของท่านด้วยตึกนี้มีด้วยกัน 6 ชั้น
ภายในตกแต่งด้วยบทกวีและภาพฝาผนังเล่าเรื่องราวต่างๆในสมัยราชวงศ์ถัง เล่าประวัติมาพอประมาณ ไปดูข้างในกันดีกว่า ก่อนเข้าเราต้องไปซื้อบัตรเข้าชมด้านในก่อนนะ ค่าเสียหายคนละ 50 หยวน
พอเดินไปสักพักก็ไปเจอชาวต่างชาติ เป็นชาวอิตาลี มากัน 2 คน
พอเค้าเจอหน้าพวกเรา เค้ายิ้มทันที เราก็ยิ้มด้วย เพราะอย่างน้อยเราก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้ว 555 แต่ท่าทางเค้าก็ต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน และแล้วพวกเขาก็มาถามเราว่า ฉันจะเข้าไปยังไง เราก็เลยบอก คุณไปซื้อตั๋วตรงนั้นนะ แล้วทางเข้าอยู่ตรงนี้
แล้วก็รับคำขอบคุณแล้วพวกเขาก็เดินจากไป 5555 ไม่เป็นไร เราไปกันต่อ
แบบบ้าๆบอๆ นี่หละ เดินภายในหอ 6 ชั้น จนฝนซา เราก็พากันเดินลงมาถ่ายรูปรอบๆ วิวสวย อากาศหนาว ชอบมาก เด็กๆ สนุกกันใหญ่ ทริปนี้เรากลับไปกินข้าวเย็น
ร้านฝั่งตรงข้ามของโรงแรม สั่งกันไม่เป็น ก็เลยจิ้มได้อะไรมาก็กินไป 5555 อิ่มแล้ว เข้านอนได้ เก็บแรงไว้ลุยต่อไป
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางเราก็กินอาหารเช้าที่โรงแรมต่อไป
ฝนก็ตกไม่หยุดยาวไป แต่ก็ใช่อุปสรรคของพวกเราไม่ ได้กันต่อที่นี่เลยจ้า Nanchang the August 1 st Uprising Memorial Hall หรือ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานกบฏ 1 สิงหาคม ซึ่งถือเป็นวันกองทัพของจีนด้วย ในทุกวันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี ส่วนค่าเสียหายที่นี่เราจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าต้องพกพาสปอร์ตไปด้วยไม่งั้นเข้าไม่ได้นะคะ เข้ามาดูภายในกันเลย สวยงามขนาดไหน เดินไป เดินมา อ้าว มาเจอจักรเย็บผ้า ยี่ห้อคุ้นๆๆ นี่มัน SINGER โฮ้ มีมาตั้งแต่สมัยไหน แต่ที่รู้ๆรูปร่างหน้าตาของจักรเย็บผ้า เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เราคนนึงละ เคยได้ใช้อยู่
เดินวนอยู่ในนี้ก็นานพอสมควร ไม่ใช่อะไร นางแบบเราแวะถ่ายภาพตลอดทาง พอออกจากพิพิธภัณฑ์มา ก็เดินมาตลาด จะมาหาข้าวกินกัน แต่เดินวนอยู่นั้นละ เพราะร้านอาหารไม่มีรูปภาพให้จิ้มเลย 5555 พอเดินไปสักพัก เจอร้านนี้มีรูปภาพแปะไว้ที่ผนังร้านชัดเจน แต่สายตาพวกเราไม่ชัดเจน เพราะเราว่าจิ้มไปมันต้องมีเนื้อสัตว์บ้างละ สรุป ได้แต่ผักมาจ้า กินไปก็ยิ้มกันได้ดีหน่อยเด็กๆชอบกินผัก เลยไม่มีปัญหา กินอิ่มแล้วเราก็ไปหลงทางกันต่อ เอ๊ยไม่ใช่ไปเดินเล่นกันต่อ ดูวิถีชีวิตของคนเมืองหนานชาง
ก็ไม่ต่างอะไรกะเยาวราชบ้านเราเลย ปะต่อกันที่ Star of Nanchang
มันก็คือชิงช้าสวรรค์นั้นเอง 5555 จำราคาได้ไม่แม่น แต่คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 500 บาท ต่อคน แต่อยากขึ้นก็ยอมจ่ายไป เสียอย่างเดียว ฝนตกตลอดนี่หละ จะมองเห็นอะไรบ้างไหมอยู่บนนั้นประมาณ 1 ชม ก็พากันออกมาหาเรียก แท็กซี่กลับ เพราะฝนเริ่มตกหนักแล้วมึดแล้วด้วย ปิดการผจญภัยของวันนี้ ด้วยความอ่อนเพลีย
วันที่ 4 ตื่นเช้ามาวันนี้ ภาวนาขอให้ไม่มีฝน และแล้ว ก็ตกไม่หยุด 55555
เลยพากันเดินไปกินข้าวเช้า ในมุมเดิม นั่งดูฝนตกยาวไป เด็กๆก็เพลิดเพลินกับไลน์อาหารและขนม วันนี้ว่าจะไปเดินช็อปปิ้งเสียหน่อย
ไม่ใช่ขาช็อปนะ แต่เป็นขาเดิน แฮร่ ถ้าขาไม่เดินจะไปได้ไง ว่าแล้วก็ลงไปใช้บริการแท็กซี่ บอกพนักงานหน้า front ว่าเราอยากช็อปปิ้งไปไหนดี
พนักงานก็จัดแจงบอกคนขับแท็กซี่ให้เสร็จสรรพเลย พอไปถึงห้าง ก็ลงไปเดินดูของ แต่ไม่มีสินค้าจากยุโรปเลย ส่วนใหญ่เป็นสินค้า Brand Name ของประเทศจีนเอง แถมแพงด้วย เลยได้แต่มอง เดินไปเดินมา เจอร้าน
สตาร์บัคด้วยความที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเย็นเลย ตั้งแต่มาประเทศจีน เลยพากันจูงมือน้องเข้าไปในร้านทันที พอมองขึ้นไปที่ป้ายจะสั่ง เห็นราคา ตีเป็นเงินไทยในหัวเลยแล้วมองหน้ากัน และก็ยิ้มงามๆ เดินออกสิคะรอไร กาแฟไร แก้ว 300 ร้อยกว่าบาทไม่กินก็ได้ เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เจอร้าน KFC คราวนี้เด็กๆ จูงมือเข้าไปเลยก็เลยได้กินไก่ คนละชุด พอได้มีแรงเดินต่อ เดินจนมาถึงวัด มีชื่อว่า Youmin Temple พอเห็นว่าเป็นวัด เราก็พากันเดินเข้าไป สักการะ ทันที
พระพุทธรูป ที่นี้ สวยงาม เหลืองทองอร่ามไปทั้งองค์ นี่ถ้าตอนเรียนสนใจ เรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อารยธรรม ก็คงจะเข้าใจศิลปะ ลึกซึ้งได้มากกว่านี้หรือเค้าสอนแล้วเราไม่ได้เข้าเรียนก็ไม่รู้ 55555 เอาเป็นว่า วัดนี้ผ่านเข้ามาโดยบังเอิญ และก็ขอพรก่อนกลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น พอไหว้พระเสร็จ ก็กลับที่พัก มาเตรียมตัวเก็บกระเป๋า กลับประเทศไทย
วันที่ 5 วันเดินทางกลับประเทศไทย ก็กินอาหารเช้าเสร็จ ก็ให้เด็กๆ เล่น Kid’s club ของโรงแรมก่อนกลับ พอถึงเวลา แท็กซี่ก็มารับไปส่งยังสนามบินหนานชาง แต่ที่สงสัยคือ วันมาทำไมเราไม่ได้มาลงที่ Terminal นี้ละ เพราะ Terminal นี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก ยังไงเราก็อยู่รอดแล้วตั้ง 4 วัน ไว้มีโอกาสไปเที่ยวกันใหม่นะ
“ Bye Bye Nanchang ”
ป้ายกำกับ:จีน, หนานชาง, เที่ยวต่างประเทศ