OK ที่ เบตง

กรกฎาคม 3, 2022

ทริปนี้เราจะพาลงภาคใต้กัน ซึ่งเป็นใต้สุดแดนสยาม นั้นก็คือ อ.เบตง จ.ยะลา เมืองที่ฟังแล้วหลายคนอาจยังไม่กล้าไป แต่ถ้าได้ไปสัมผัสสักครั้ง จะหลงรักทันที อ.เบตง ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเปรัค ประเทศมาเลเซีย เพียง 7 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่า บางครั้งทำให้สัญญานโทรศัพท์ไม่สามารถใช้ได้เมื่อเข้าเขตภูเขาสูงหรือพื้นที่ป่า ทริปนี้เป็นทริปสายมูหรือทริปไหว้เจ้าดี เดินสายไหว้เจ้า 2 วันเต็มๆ ครั้งนี้เราก็เลือกเดินทางด้วยสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ อีกเหมือนเดิม เพราะด้วยสามารถให้โหลดน้ำหนักกระเป๋าฟรี 10 กิโลกรัม ส่วนเรื่องราคาก็น่ารัก ไม่สูงจนสู้ไม่ไหว

นัดเจอคณะพร้อมกัน ตี 4 ที่สนามบินดอนเมือง เพราะเครื่องออก เวลา 06.20 น. ไปถึง หาดใหญ่ 07.50 น

ทริปนี้มีผู้สูงอายุไปด้วย (วิลแชร์ก็ต้องเตรียมไว้แล้วล่ะ) พอถึงหาดใหญ่ ก็จะมีรถตู้ของคนพื้นที่มารับ

เหมาๆไปเลย 3 วัน พอพวกเราขึ้นรถตู้เรียบร้อย ก็เดินทางสู่ อ.หาดใหญ่ เพื่อหาอาหารเช้ากันเลย มื้อนี้เราได้ร้าน “อ้วนโภขนา” ขอบอกเลย อาหารจานใหญ่มาก (ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้เลย เพราะง่วงและหิวกัน) พอทานเสร็จก็เดินทางไปยัง สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตั้งอยู่ใกล้กับมัสยิดกรือเซะ มีตำนานเล่าว่า “ลิ้มกอเหนี่ยว” ได้ลงเรือสำเภาเพื่อมาตามหาพี่ชายชื่อ “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” ซึ่งมาแต่งงานกับธิดาพระยาตานี และเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม แต่พี่ชายไม่ยอมกลับประเทศจีน จึงได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมจึงฝังศพลิ้มกอเหนี่ยวไว้ที่นี่ 

ต่อมาเดินมาที่ “มัสยิดกรือเซะ” เดินจริงๆ ค่ะ เพราะอยู่ติดกับสุสานเลย ในสมัยที่สร้างนี้ก็มีการถกเถียงกันว่าสร้างขึ้นในสมัยไหน แต่บางกลุ่มก็โยงเข้ากับตำนานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งมีสุสานอยู่ติดกับมัสยิด ที่ถูกเล่าต่อเติมภายหลังว่าเจ้าแม่ได้สาปให้มัสยิดแห่งนี้สร้างไม่เสร็จจนกลายเป็นปัญหาระหว่างเชื้อสายจีน และ เชื้อสายมลายู ในสมัยนั้น เราและคณะก็ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอก เพราะเข้าไปด้านในไม่ได้ 

เดินทางไม่นาน ก็แวะถ่ายรูปหน้ามัสยิดกลางปัตตานีกันสะหน่อย ทริปนี้รูปเยอะมาก

หลังจากนั้นเดินทางไปยัง ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวหรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง ซึ่งเป็นคนละที่กับสุสานที่คณะได้แวะกันตอนแรก เป็นสาลเจ้าคู่บ้านคู่เมืองของชาว จ.ปัตตานี พอถึงศาลเจ้า ก็เริ่มมูกันเลย จุดธูปชุดใหญ่ จัดเต็ม (ที่มานี่คือหนึ่งในกรุ๊ป มาแก้บนด้วย ขอแล้วสำเร็จ ก็ต้องกลับมาใหม่) ติดกันจะเป็นพิพิธภัณฑ์ความเป็นมาของชาวจีน

เสร็จจากการไหว้เจ้าแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยงพอดี พวกเราจะไปทานราดหน้าเจ้าดัง แต่ไปถึงร้านปิด ก็คิดว่ามาไม่ถูกวัน สุดท้ายเค้าบอกร้านได้ปิดไปแล้ว ไม่รู้ย้ายไปอยู่ไหน เลยได้ทานก๋วยเตี๋ยวร้านข้างๆแทน ได้เวลา Afternoon tea อีกแล้ว ขอแวะจิบกาแฟกันสักหน่อย คนขับรถพามาร้านนี้เลย “ร้านโรงปิ๊บ” ที่นี่เป็นโรงงานผลิตปิ๊บมาก่อน ที่จะมาเป็นร้านกาแฟ แต่ถ้าเราไปคนเดียว เราคงหาทางเข้าไม่เจออะ เพราะเป็นตรอกเล็กๆ แต่ระหว่างทางก็มีข้าวของเครื่องใช้สมัย 40 – 50 ปี ที่แล้วประดับตกแต่งร้านได้สวยงามมากเลย กาแฟเค้าก็อร่อยนะ พี่กะน้องเล่นโทรศัพท์กันเพลินเลย 5555 โทรหากันเองก็เป็น 

จากนั้นเดินทางสู่ อ.เบตง จ.ยะลา กันเล๊ยย ก็นั่งรถยาวๆไป แต่ไม่น่าเบื่อนะ เพราะเพลีย หลับกันตลอดทาง พอเข้าเขต อ.เบตง เราก็จะเห็น ป้าย ” OK BETONG” เลยขอแวะถ่ายรูปสะหน่อย หน่อยเดียว แต่มีเป็นร้อยภาพ 

ได้เวลาพากันไปที่พักแล้ว คืนนี้เรานอนกันที่ ภูผาแอนด์ศิลาโฮม ที่พักแยกเป็นหลัง เป็นสัดส่วนที่ลงตัว ราคา อยู่ที่คืนละ 990 บาท ไม่มีอาหารเช้านะจ๊ะ เพราะที่พักจะให้เราไปทานอาหารเช้าในร้านท้องถิ่นของเค้า

พอเช็คอินเสร็จแล้ว เราก็ไปทานอาหารเย้นกันที่ ร้านต้าเหยิน มาถึงเบตง ก็ต้องสั่งไก่เบตงสิคะรออะไร จัดไปเลยค่ะ 4 จาน สำหรับเมนูไก่เบตง และยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย *** อิ่มกันแล้วก้ขับรถดูเมืองเบตงสักรอบ ก่อนกลับเข้าที่พัก ***

วันนี้ตื่นเช้ามาทานติ่มซำกัน ซึ่งเป็นอาหารประจำท้องถิ่น มากันที่ร้าน “หน้าหอติ่มซำ มาถึงไม่ได้จองไว้ ก็ต้องยืนรอโต๊ะกันตามระเบียบ แต่ระหว่างรอ ก็ไปเดินหยิบเข่งติ่มซำ ให้เค้าอุ่นรอ ที่นี้ขายเข่งละ 25 บาท ทานกันไม่เยอะคะ มื้อเบาๆ 72 เข่ง พออิ่มแล้วก้เดินทางไป วัดกวนอิมเบตงหรือวัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง เป็นสถานที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหลายองค์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม, ท่านแป๊ะกง, ท่านขงจื้อ เป็นต้น พวกเราก้พากันไหว้เจ้าขอพรกันอยู่นานกว่าจะเสร้จพิธีกรรม 

เดินทางไปต่อยัง อุโมงค์ปิยะมิตร อุโมงค์แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นบานในการหลบซ่อนตัว และเป็นแหล่งสะสมเสบียงในการต่อสู้ของกลุ่มผู้ขัดแย้งทางการเมืองในคาบสมุทรมาลายา อุโมงค์นี้มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ไม่มีใครเดินเข้าไปเลย พากันถ่ายรูปอยู่แค่หน้าทางขึ้นอุโมงค์

ถ่ายรูปกันเสร็จก็ไปถ่ายรูปกับสวนดอกไม้กันต่อเลยที่ สวนหมื่นบุปผา ซึ่งเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ที่นี่อากาศเย็นตลอดปี สวนแห่งนี้มีดอกไม้ นานาพันธุ์ และยังมีโรงเพาะชำอยู่อีกด้วย ส่วนค่าธรรมเนียมการเข้าสวนก็ ท่านละ 40 บาท

พอได้เวลามื้อเที่ยง เราได้ไปทานข้าวที่ ร้านปลานิลสายน้ำไหล ซึ่งเป็นปลาที่ทางร้านเลี้ยงไว้เอง 1 ตัว สามารถแบ่งทำเมนูได้หลายอย่างเลย แต่พวกเราเลือก ทอด ต้ม และ ผัด ส่วนเมนูอื่นๆ ก็จะเป็นอาหารพื้นเมือง และรสชาติจะเผ็ดหน่อย

พออิ่มจากของคาวแล้ว ไปต่อที่ของหวานกันที่ “ร้านเฉาก๋วยก.ม. 4” ร้านนี้ต้องสั่งจองเท่านั้นนะคะ ไม่งั้นไม่ได้ทานค่ะ และจำกัดที่ 1 คน ต่อ 1 ถ้วย เท่านั้น แต่บนโต๊ะ จะมีถ้วยขนมเบตงวางไว้ให้ด้วย หน้าตาก็ไม่เหมือนขนมถ้วยภาคกลาง เพราะเป็นแป้งและโรยหน้าด้วยซอสคาราเมล (เค้าเรียกแบบนี้รึเปล่าไม่แน่ใจ) แล้วมีกระเทียมเจียวโรยหน้าอีกรอบ

อิ่มแล้วก็เดินทางไปยัง วัดพุทธาธิวาส” วัดนี้ตั้งอยู่ในตัวเมืองเบตง ซึ่งมีเจดีย์สีทองอร่ามสูง 39.9 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และภายในวัดยังมี วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เดินทางต่อไปยังใต้สุดแดนสยามกัน ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเมืองเปรัค ประเทศมาเลเซีย และ อ.เบตง จ.ยะลา ประเทศไทย 

เหนื่อยกันแล้ว แวะไปทานมื้อค่ำกันที่ “หวายร้อยลี้” วันนี้ขอตัวไปนอนก่อนนะ

วันนี้เราจะเดินทางกลับกันแล้ว ก็เลยพากันเช็คเอ้าท์ ออกจากที่พักแต่เช้ามืดเลย เพื่อที่จะเดินทางไปยัง “อัยเยอร์เวงสกายวอล์ค” เราต้องขึ้นไปถึงยอกก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะจะได้เห็นวิวทะเลหมอกที่สวยงาม พร้อมกับแสงของดวงอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม ก่อนขึ้นไป ชำระค่ารองเท้าผ้ากันก่อนนะ คู่ละ 30 บาท

ต่อจากนั้นเดินทางไป “ถ้ำกระแซง” เป็นถ้ำที่มีธารน้ำใส ในป่าธรรมชาติที่งดงาม

ลุยกันต่อที่ “สะพานข้ามป่าฮาลา-บาลา” ซึ่งสะพานแห่งนี้แบ่งเป็น ป่าฮาลา เป็นป่าที่อยู่ใน อ.เบตง จ.ยะลาและ ป่าบาลา ใน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เราก็พากันลงไปถ่ายรูปสวยๆ ในทันที

ถ่ายรูปเสร็จก็มุ่งหน้าไปยัง “วัดช้างให้” ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดังที่ใครหลายคนนับถือกันมา หลังจากอยู่ที่เบตง มา 3 วัน ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าเรายังไม่ได้ไปสัมผัส ลองไปเที่ยวกันดูสักครั้ง แล้วจะติดใจ พวกเราจบทริปที่วัดช้างให้นี้ ไหว้พระขอพรก่อนเดินทางกลับบ้าน โดยใช้บริการสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เหมือนเดิม ลาก่อนนะ เบตง แล้วเจอกันใหม่ กับความทรงจำดีๆ 

ป้ายกำกับ:, ,